Month: April 2019

on

การออกแบบ Business Model Canvas

Business Model (Ideas) Canvas คือพื้นฐานที่คุณตอบ ไอเดียทางธุรกิจ 9 ข้อ ถ้าตอบไม่ได้ จะปิดโอกาสทางการเติบโต

ธุรกิจที่สำเร็จต้องเริ่มต้นด้วย Business Model Canvas

  1. Customer Segment ลูกค้าคุณคือใคร เพศ อายุ เราต้องรู้ว่าสินค้าของเราจะขายให้ใคร ระบุไว้ชัดๆไปเลย จะได้กำหนดทิศทางการโปรโมตสินค้าได้ถูกต้อง เราต้องตระหนักไว้เสมอว่า คุณค่าที่เรามีพร้อมที่จะส่งมอบ เราจะส่งมอบให้ใคร เราต้องระบุให้ชัดเจนว่าลูกค้าของเราเป็นใคร เพศอะไร อายุเท่าไหร่ อาชีพอะไร อาศัยอยู่ที่ไหน การใช้ชีวิตเป็นอย่างไร ฯลฯ นอกจากนั้นยังต้องตัดสินใจว่า เราจะส่งมอบคุณค่าให้ลูกค้าเพียงกลุ่มเดียว หรือหลายกลุ่ม
  2. Channel :  คุณไปถึงลูกค้าคุณแบบไหน (ช่องทางการส่งมอบสินค้าและบริการ) กึ่งกลางระหว่าง ข้อ 1. กับข้อ 2. คือช่องทางการโปรโมทและหาลูกค้าใหม่ อันได้แก่ การใช้สื่อออนไลน์ หรือการบอกผ่านคนรู้จักที่แนะนำต่อๆ กัน
  3. Customer Relationship : ความสัมพันธ์คุณกับลูกค้าเป็นอย่างไร
  4. Revenue Stream :
  5. Value Preposition : อะไรคือคุณค่าที่เราจะมอบให้กับโลก ราต้องรู้ว่าจุดแข็งของสินค้า/บริการของเราอะไร ส่วนนี้เป็นส่วนที่สำคัญมากที่เราจะต้องคิดให้ได้เป็นอันดับแรก เพราะคุณค่าต่างๆที่เราคิดได้สามารถนำมาสร้างเป็นจุดแข็งให้กับธุรกิจ รวมถึงสร้างความแตกต่างให้ธุรกิจของเราได้เช่นกัน
  6. Cost Structure :  ค่าใช้จ่ายของธุรกิจ จะมีทั้งค่าใช้จ่ายคงที่ที่เราต้องจ่ายเป็นประจำทุกปีหรือทุกเดือน และค่าใช้จ่ายผันแปรที่ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆที่เปลี่ยนไป การที่เรารู้ว่าธุรกิจของเราเสียเงินไปกับค่าใช้จ่ายส่วนไหนบ้าง จะทำให้เราวางแผนปรับปรุง+พัฒนาธุรกิจของเราได้
  7. Key Resources : คุณต้องมี Key Asset ทรัพยากร หรือเรียกง่ายๆก็คือ สิ่งที่เรามีอยู่และสามารถนำมาสร้างคุณค่าให้กับธุรกิจได้ แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ ทรัพยากรที่เป็นรูปธรรม เช่น เครื่องจักร อุปกรณ์ คนงาน ฯลฯ และทรัพยากรที่เป็นนามธรรม เช่น “Brand Value หรือ คุณค่าของตราสินค้า” ซึ่งเป็นสิ่งที่จำต้องไม่ได้ แต่มีมูลค่ามหาศาล เป็นต้น ทั้งนี้ การที่เราระบุว่าเรามีทรัพยากรอะไรบ้าง จะทำให้เราเห็นขีดความสามารถที่เราจะนำมาพัฒนาส่วนต่างๆให้กับธุรกิจได้นั่นเอง
  8. Key Activity  list สิ่งที่เราต้องทำ นอกจากจะทำให้เรามีระเบียบในการดำเนินธุรกิจมากขึ้นแล้ว ยังทำให้เราเห็นภาพชัดขึ้น ว่าต้องทำอะไรบ้างเพื่อทำให้ Model ธุรกิจนี้เป็นจริง? ตัวอย่างง่ายๆเช่น กระบวนการผลิต นั่นเอง ซึ่งค่อนข้างจะเป็นส่วนสำคัญ และมีให้เห็นได้ในทุกๆ Model ธุรกิจ
  9. Key Partner : คุณต้องการผู้ร่วม ผู้สนใจแบบไหน คู่ค้า หรือเพื่อนทางการค้านั่นเอง มีไว้คอยช่วยเหลือ ปรึกษากัน ไปจนถึงเป็นผู้คอยป้อนสินค้าให้เราในราคาแบบมิตรภาพ ที่ถูกกว่าการไปซื้อกับคนอื่น อย่างที่ทุกคนทราบ การทำธุรกิจไม่สามารถดำเนินการโดยไม่มีพันธมิตรได้ อย่างน้อยเราจำเป็นต้องคำนึงถึงผู้ที่จัดหาทรัพยากรให้เรา ผู้ที่เป็นช่องทางการจัดจำหน่ายให้เรา ซึ่งจะเป็นรูปแบบการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน

คุณ Alex ผู้ออกแบบ Canvas  ให้แง่คิดว่า ก่อนเกิด Digital Distrubtion Product สำคัญที่สุด แต่ยุคนี้มันยากที่จะแข่งกันเรื่องราคา ยากที่จะแข่งกันเรื่อง Product มันมาถึงจุดที่ทุกผู้ขายเท่ากันBusiness เหมือนโยเกริตในตู้แช่เย็น LIfe Product มัน Shot ลงคำถามที่ต้องตอบ :มันยากแค่ไหนที่ลูกค้าของคุณจะเปลี่ยนใจไปจากคุณ มันจะง่ายอย่างไรที่ลูกค้าจากคู่แข่งจะมาหาคุณเช่น Ipod ที่ขโมยลูกค้ามาจาก ค่ายเพลง แต่เวลาลูกค้าจะย้ายไป Product อื่นRecurring RevenueBusiness Model บางอย่างที่คิดออกมาเพื่อให้คุณใช้เค้าไปตลอด เช่น Nescafe ที่ขายเครื่อง แต่ต้องใช้ ก้อนกสแฟ ของเขาไปตลอดไม่มี Model ที่ Perfect ต้อง Re-invent ตัวเองตลอดเวลาดร.พิสิฐ ตั้งพรประเสริฐ

on

ธุรกิจที่สำเร็จต้องเริ่มต้นด้วย Business Model Canvas Business

Model (Ideas) Canvas คือพื้นฐานที่คุณตอบ ไอเดียทางธุรกิจ 9 ข้อ ถ้าตอบไม่ได้ จะปิดโอกาสทางการเติบโต

  1. Customer Segment ลูกค้าคุณคือใคร เพศ อายุ เราต้องรู้ว่าสินค้าของเราจะขายให้ใคร ระบุไว้ชัดๆไปเลย จะได้กำหนดทิศทางการโปรโมตสินค้าได้ถูกต้อง เราต้องตระหนักไว้เสมอว่า คุณค่าที่เรามีพร้อมที่จะส่งมอบ เราจะส่งมอบให้ใคร เราต้องระบุให้ชัดเจนว่าลูกค้าของเราเป็นใคร เพศอะไร อายุเท่าไหร่ อาชีพอะไร อาศัยอยู่ที่ไหน การใช้ชีวิตเป็นอย่างไร ฯลฯ นอกจากนั้นยังต้องตัดสินใจว่า เราจะส่งมอบคุณค่าให้ลูกค้าเพียงกลุ่มเดียว หรือหลายกลุ่ม  
  2. Channel :  คุณไปถึงลูกค้าคุณแบบไหน (ช่องทางการส่งมอบสินค้าและบริการ) กึ่งกลางระหว่าง ข้อ 1. กับข้อ 2. คือช่องทางการโปรโมทและหาลูกค้าใหม่ อันได้แก่ การใช้สื่อออนไลน์ หรือการบอกผ่านคนรู้จักที่แนะนำต่อๆ กัน
  3. Customer Relationship : ความสัมพันธ์คุณกับลูกค้าเป็นอย่างไร ในส่วนนี้เป็นส่วนที่มีความคล้ายคลึงกับ Channels แต่จะแตกต่างกันตรงที่ Customer Relationships จะเน้นในเรื่องความสัมพันธ์กับลูกค้า ได้แก่ การให้ความช่วยเหลือ อำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า ตอบปัญหาต่างๆ ฯลฯ เราควรให้ความสำคัญกับส่วนนี้ด้วยเพราะว่า จะเป็นการรักษาความสัมพันธ์ของลูกค้า ทำให้ลูกค้ามีความผูกพันธ์กับเรา ซึ่งเป็นผลดีกับเรา เพราะลูกค้าจะนึกถึงเราเป็นอันดับต้นๆ เมื่อต้องการซื้อสินค้าหรือบริการนั้นๆ หรือเมื่อแนะนำให้เพื่อนและคนรอบข้างมาซื้อสินค้าเรานั่นเอง
  4. Revenue Stream : มาถึงส่วนที่คนทำธุรกิจทุกคนให้ความสำคัญมากที่สุด นั่นก็คือ รูปแบบรายได้ ใน Model นี้ เราต้องตอบให้ได้ว่า รายได้หลักของเรามาจากอะไร เช่น การขายสินค้า การให้บริการ การจัดเก็บรายได้จากระบบสมาชิก ฯลฯ แล้วเรามีรายได้รองจากแหล่งอื่นๆอีกหรือไม่ เพราะการที่เราระบุแหล่งรายได้อย่างชัดเจน จะทำให้เรารู้ว่า เราควรเน้นหนักไปในทิศทางใด เพื่อก่อให้เกิดรายได้สูงสุดให้กับธุรกิจ
  5. Value Preposition : อะไรคือคุณค่าที่เราจะมอบให้กับโลก ราต้องรู้ว่าจุดแข็งของสินค้า/บริการของเราอะไร ส่วนนี้เป็นส่วนที่สำคัญมากที่เราจะต้องคิดให้ได้เป็นอันดับแรก เพราะคุณค่าต่างๆที่เราคิดได้สามารถนำมาสร้างเป็นจุดแข็งให้กับธุรกิจ รวมถึงสร้างความแตกต่างให้ธุรกิจของเราได้เช่นกัน
  6. Cost Structure :  ค่าใช้จ่ายของธุรกิจ จะมีทั้งค่าใช้จ่ายคงที่ที่เราต้องจ่ายเป็นประจำทุกปีหรือทุกเดือน และค่าใช้จ่ายผันแปรที่ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆที่เปลี่ยนไป การที่เรารู้ว่าธุรกิจของเราเสียเงินไปกับค่าใช้จ่ายส่วนไหนบ้าง จะทำให้เราวางแผนปรับปรุง+พัฒนาธุรกิจของเราได้
  7. Key Resources : คุณต้องมี Key Asset ทรัพยากร หรือเรียกง่ายๆก็คือ สิ่งที่เรามีอยู่และสามารถนำมาสร้างคุณค่าให้กับธุรกิจได้ แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ ทรัพยากรที่เป็นรูปธรรม เช่น เครื่องจักร อุปกรณ์ คนงาน ฯลฯ และทรัพยากรที่เป็นนามธรรม เช่น “Brand Value หรือ คุณค่าของตราสินค้า” ซึ่งเป็นสิ่งที่จำต้องไม่ได้ แต่มีมูลค่ามหาศาล เป็นต้น ทั้งนี้ การที่เราระบุว่าเรามีทรัพยากรอะไรบ้าง จะทำให้เราเห็นขีดความสามารถที่เราจะนำมาพัฒนาส่วนต่างๆให้กับธุรกิจได้นั่นเอง
  8. Key Activity  list สิ่งที่เราต้องทำ นอกจากจะทำให้เรามีระเบียบในการดำเนินธุรกิจมากขึ้นแล้ว ยังทำให้เราเห็นภาพชัดขึ้น ว่าต้องทำอะไรบ้างเพื่อทำให้ Model ธุรกิจนี้เป็นจริง? ตัวอย่างง่ายๆเช่น กระบวนการผลิต นั่นเอง ซึ่งค่อนข้างจะเป็นส่วนสำคัญ และมีให้เห็นได้ในทุกๆ Model ธุรกิจ
  9. Key Partner : คุณต้องการผู้ร่วม ผู้สนใจแบบไหน คู่ค้า หรือเพื่อนทางการค้านั่นเอง มีไว้คอยช่วยเหลือ ปรึกษากัน ไปจนถึงเป็นผู้คอยป้อนสินค้าให้เราในราคาแบบมิตรภาพ ที่ถูกกว่าการไปซื้อกับคนอื่น อย่างที่ทุกคนทราบ การทำธุรกิจไม่สามารถดำเนินการโดยไม่มีพันธมิตรได้ อย่างน้อยเราจำเป็นต้องคำนึงถึงผู้ที่จัดหาทรัพยากรให้เรา ผู้ที่เป็นช่องทางการจัดจำหน่ายให้เรา ซึ่งจะเป็นรูปแบบการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน

Alex ตอบว่า ก่อนเกิด Digital Distrubtion Product สำคัญที่สุด แต่ยุคนี้มันยากที่จะแข่งกันเรื่องราคา ยากที่จะแข่งกันเรื่อง Product มันมาถึงจุดที่ทุกผู้ขายเท่ากัน Business เหมือนโยเกริตในตู้แช่เย็น LIfe Product มัน Shot ลง 
คำถามที่ต้องตอบ :มันยากแค่ไหนที่ลูกค้าของคุณจะเปลี่ยนใจไปจากคุณ มันจะง่ายอย่างไรที่ลูกค้าจากคู่แข่งจะมาหาคุณเช่น Ipod ที่ขโมยลูกค้ามาจาก ค่ายเพลง แต่เวลาลูกค้าจะย้ายไป Product อื่น
Recurring RevenueBusiness Model บางอย่างที่คิดออกมาเพื่อให้คุณใช้เค้าไปตลอด เช่น Nescafe ที่ขายเครื่อง แต่ต้องใช้ ก้อนกสแฟ ของเขาไปตลอด
ไม่มี Model ที่ Perfect ต้อง Re-invent ตัวเองตลอดเวลา 

ดร พิสิฐ ตั้งพรประเสริฐ